"One Fine Day"
ลมหนาวกำลังจะบอกลา... ฤดูใบไม้ผลิค่อยๆย่างกรายเข้ามาแทนที่
ถึงแม้ว่าวันนี้ฝนจะตก อากาศจะขมุกขมัว ทำให้เราต้องขลุกตัวอยู่แต่ในห้องทั้งวัน
แต่วันก่อนอากาศก็ดี๊ดี แดดอ่อนๆ ลมเย็นๆ เป็นอีกหนึ่งวันดีๆที่ทำให้เราสามารถนึกถึงแล้วยิ้มได้ในวันที่อากาศเหงาๆอย่างวันนี้
ถึงแม้ว่าวันนี้ฝนจะตก อากาศจะขมุกขมัว ทำให้เราต้องขลุกตัวอยู่แต่ในห้องทั้งวัน
แต่วันก่อนอากาศก็ดี๊ดี แดดอ่อนๆ ลมเย็นๆ เป็นอีกหนึ่งวันดีๆที่ทำให้เราสามารถนึกถึงแล้วยิ้มได้ในวันที่อากาศเหงาๆอย่างวันนี้
"One Fine Day....."
นึกถึงสมัยเรียนมัธยม "ผมสั้น กระโปรงบาน"
วันเวลาเปลี่ยน หลายอย่างเปลี่ยน มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน
เรายังผิวสีเข้มเหมือนเดิม...ไม่ได้พูดให้ขำนะ
ประสบการณ์ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า การมาอยู่เมืองนอกไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
ที่เห็นได้ชัด เห็นจะเป็นสีผิว
บทเรียนที่ได้ : ดีไม่ดีอยู่ที่เรา ไม่ใช่ location, ดำไม่ดำอยู่ที่เรา ไม่ใช่ location `เฉกเช่นเดียวกัน
-___-"
มาต่อเรื่องวันดีดีของเรากันดีกว่า
อย่างที่เขาว่ากัน...กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
สิ่งแรกที่เราทำจึงหนีไม่พ้นการกิน
ไปทานอาหารเวียดนามกับเพื่อนแถวตลาดเอเชี่ยน เรากินเฝอกับลูกชิ้นปลาของโปรดชามเบ้อเริ่ม
ท้องอิ่มแล้ว
ก็ไปเดินซื้อมาม่าและingredientต่างๆเอาไว้ทำต้มยำกุ้งกับราดหน้าหมี่กรอบกินกันวันหลัง
....................
ไปเดินเล่นต่อที่ Italian Market ตลาดที่นี่เป็นตลาดสดกลางแจ้ง
หรือเค้าเรียกว่า Outdoor Market ซึ่งหาดูได้ยากในอเมริกา
เราชอบบรรยากาศแบบสดๆ ดนตรี และกลิ่นอายแบบอิตาเลี่ยนที่ดูครึกครึ้นอยู่ตลอดเวลา
แวะกินไอติม rum raisin ของโปรดรองลงมาจากไอติมกะทิบ้านเรา
คราวนี้ลองกินไอติม rum raisin สไตล์อิตาเลี่ยนดู
ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
ออกมานั่งกินนอกร้าน ผิงแดดอุ่นๆ
ตลาดดูเงียบๆเพราะว่าเป็นวันธรรมดา เค้าคงปิดเร็วกันมั้ง
มีโต๊ะเก้าอี้ โคมไฟ แบบเก๋ๆ
อีกทั้งมีเพลงเพราะๆ แนวๆ เปิดให้ฟังอีกต่างหาก
พฤติกรรมการนั่งcafeของคนที่นี่
ก็คือการมานั่งจิบชากาแฟ แล้วทำงานหรืออ่านหนังสือไปด้วย
และที่ฮิตกันมากๆคือ
การพกNotebook (หรือที่คนที่นี่ชอบกันเรียกติดปากว่าLaptop)มาเสียบปลั้กเล่นกันที่ร้าน
แล้วนั่งแช่กันเป็นวัน
แบบว่าซื้อกาแฟถ้วยเดียว แต่ก็นั่งกันได้จนเกินคุ้มเลยก็ว่าได้
บทเรียนที่สอง : ไม่ว่าจะเป็นใครหรืออยู่ที่ไหนๆ ต่างก็ชอบของถูกและของฟรี!
เห็นร้านกาแฟที่นี่น่านั่ง
ไม่วาย....อยากมีร้านกาแฟเก๋ๆเป็นของตังเองบ้างจัง
ประกาศหาหุ้นส่วนตรงนี้เลย...ก็แล้วกัน!
^_^
นั่งแป๊บเดียวจะห้าโมงครึ่งแล้วเหรอเนี๊ยะ
เรามีเรียนโยคะตอนห้าโมงสี่สิบห้าซะด้วยสิ
ดูนาฬิกาเพื่อย้ำความแน่ใจว่าถึงเวลาที่ต้องลุกแล้วจริงๆ(เหรอ!)
...ไปก็ได้วะ...
ได้ไปจ๊ะเอ๋เข้ากับดอกไม้ริมถนน
สีชมพูสดสวยชูช่ออวดสายตาคนผ่านทาง
เห็นทีจะได้ผล เจ้าดอกไม้เรียกความสนใจจากคนดูได้ไม่ยากนัก
เพราะมันคงเป็นดอกไม้ชนิดแรกที่บานหลังฤดูหนาวอันยาวนาน
ชื่อดอกอะไรก็ไม่รู้ แต่ถ่ายรูปมาให้ดูด้วย
เจ้าดอกไม้ยังคงบานไม่เต็มทีนัก มันยังดูงัวเงียอยู่ไม่น้อย
คงเป็นวันแรกของเจ้าดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิของปีนี้กระมัง
ที่มันได้ลืมตาดููโลกหลังจากหลับไหลไปนานหลายเดือน
ขอถือวิสาสะตั้งชื่อมันว่า "ดอกไม้ที่กลัวหนาว" ก็แล้วกัน
.........................
เถลไถลจนเข้าเรียนช้าไปห้านาที
หลายคนอาจจะบอกว่าแค่ห้านาที "เอง"
แต่เป็นห้านาทีที่น่าลำบากใจของเราในการแทรกตัวเข้าไปในห้อง
ในขณะที่คนอื่นกำลังนั่งทำสมาธิอยู่
ต่อไปหนูจะไม่สายอีกแล้วค่ะ^_^
เป็นอีกหนึ่งวันดีดี เป็นอีกหนึ่งOne Fine Day
ที่อยากเอามาเล่าสู่กันฟัง
อ่านแล้วก็อย่าลืมคิดถึงกันบ้างนะ ;)
Comments
รูปสวยๆ กับคำบรรยายที่ทำให้เห็นภาพตามไปด้วยเลย
คิดถึง คิดถึง คิดถึง
...ตัวโน้ต...
รูปสวยๆ กับคำบรรยายที่ทำให้เห็นภาพตามไปด้วยเลย
คิดถึง คิดถึง คิดถึง
...ตัวโน้ต...
แล้วก็หวังว่าคงจะไม่เข้าเรียนสายอีกนะ อิอิ
โส-น้า-น่า
ตัวโน้ต
ชอบรูปที่เจี๊ยบถ่ายมากเลย ดูมีศิลปะ และอบอุ่นจัง
คิดถึงจ้า สาวน้อย
ร้านจะเปิดเมื่อไหร่ก้อบอกนะ
จะได้เป็นหุ้นส่วน(กิน)ด้วยคน หุหุ
-คิดถึงหวะ-
Tu!
Long time no see
Love your pretty pics and your words.
Global warming is true because Thailand is bloody hot(-3-).
So let's use cotton bag, no more plastic bag.
Never forget to miss you.
Ben
(POOK)
คิดถึงนะ มาอัพด่วนจี๋เลย
after talk to u..
your words make me seriously think & inevitably hear myself saying--'who is my Mr. Right &gonna fix what missing in me...
Wish u love &luck
Fighting!