เมื่อได้อ่าน "บุคคลภายนอกห้ามเศร้า" ของพี่แต้ สันติ แต้พานิช

ถึงพี่แต้ สันติ แต้พานิช

ได้มีโอกาสรู้จักหนังสือเล่มนี้พร้อมๆ กับที่ได้รู้จักพี่ ชอบการเย็บมุมหนังสือแบบนี้ค่ะ มันสะท้อนให้เห็นว่าพี่เป็นคนที่นึกถึงคนอื่นอยู่เสมอ ชื่อหนังสือ "บุคคลภายนอกห้ามเศร้า" บอกถึงเนื้อในของหนังสือได้เป็นอย่างดี เจี๊ยบชอบบอกว่าชื่อเรื่องมันเศร้า เพราะมันมีคำว่าเศร้า (แม้หนังสือจะบอกว่า "ห้ามเศร้า" ก็ตาม) แต่พอได้อ่านแล้ว วางหนังสือลง รู้สึกสับสน มีหลายอารมณ์มากค่ะ อ่านสองรอบ พออ่านจบ...จะบอกว่าเกลียดก็เกลียด ชอบก็ชอบค่ะ เกลียดที่เนื้อหาและภาพประกอบต่างพร้อมใจกันเล่าเรื่องได้เสียดสีบาดลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ และชอบตรงที่ มันจริง จริงยิ่งกว่าจริงค่ะ (It's dangerously deep) ชอบมากๆ นะคะ

สังเกตุเห็นว่าข้างในหนังสือจะมีภาพประกอบประกอบข้อความภาพใหญ่ๆ มีข้อความประกอบภาพประกอบเพียงไม่กี่คำไม่กี่บรรทัด และมีพื้นที่ว่างในภาพและหรือในแต่ละหน้าจำนวนหนึ่ง พื้นที่จำนวนหนึ่งที่พี่แต้ให้มานี้เป็นพื้นที่ที่เปราะบางมาก เพราะมันคั่นกลางระหว่าง message ที่พี่ต้องการจะส่งมาและ message ดั้งเดิมที่อยู่ในใจผู้อ่านเอง เหมือนว่าพี่จะจงใจทิ้ง "พื้นที่เหล่านี้" ไว้เยอะๆ เพื่อให้คนอ่านได้อ่านขัอความ อ่านภาพประกอบ ไปพร้อมกับการอ่านใจตัวเอง ตัวหนังสือเล่าน้อย ภาพถ่ายเล่าเยอะ แต่เรื่องราวมันมีอยู่ในแต่ละหน้ามากมายมากนัก มันเล่าของมันอยู่ในตัว อยู่ในหัว อยู่ในใจ

สำหรับตัวละครที่พี่เลือกมาเล่า จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นชนชั้นแรงงานและเป็นผู้ที่ต้องทำงานเพื่อ "entertain" คนอื่นตลอดทั้งเล่ม เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่า คนที่ต้องคอยบริการคนอื่น คนที่ต้องคอยทำให้คนอื่นมีรอยยิ้ม มีความสุข.... แท้จริงแล้ว เค้าเองก็อยากจะสุขได้หัวเราะได้อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องแสดงเช่นกัน แท้จริงแล้ว เค้าเองก็ต้องต่อสู้กับโชคชะตาชีวิตของตัวเองเช่นกัน.... ในทางกลับกัน ตัวละครในฉากชีวิตจริงเหล่านี้ ก็กำลังบอกเราเช่นกันว่า แม้แต่คนที่มีทุกอย่างในชีวิต ร่ำรวย ประสบความสำเร็จในการงานในชีวิต ต่างก็ต้องค้นหาความสงบสุขในใจไม่ต่างอะไรกับคนที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนหาปัจจัยเลี้ยงตัวเองเช่นกัน

อ่านแล้ว เห็นถึงความว่างเปล่า ความสับสน ความท้อแท้ ความหวัง ความฝัน ความสุข ความมีอารมณ์ขัน ความเรียบง่าย ความเชื่อมโยง ความกลัว ความกล้า และความบ้า... และก็เห็นว่ามันต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของ "การใช้ชีวิต" ... เพราะเรากำลังใช้ชิวิต และ "We're all a little bit crazy"

ไม่รู้ว่าเขียนเรื่อยเปื่อยและออกนอกประเด็นไปหรือเปล่า แต่เจี๊ยบคิดว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ทำขึ้นมาเพราะอยากให้คนอ่านได้อ่านเรื่องราวของคนอื่น แต่อยากให้อ่านเรื่องราวชีวิตของเราเองมากกว่า.... ว่าเรามองตัวหนังสือเหล่านี้ ผ่านชีวิตของเราออกมาเป็นแบบไหน ซึ่งแน่นอนที่สุด มันย่อมแตกต่างกัน เพราะเราต่างก็เติบโตมาจากเมล็ดพันธุ์สายพันธุ์เฉพาะตัวของเราเอง หนึ่งเมล็ดพันธ์ุของเราก็เป็นเพียงเมล็ดเดียวในโลกโดยตัวของเราเอง... แต่อย่างไรก็ตาม....มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกภาพในหนังสือเล่มนี้ นั่นก็คือ "ความเป็นมนุษย์" ที่แม้จะแตกต่าง แต่เราย่อมต่างต้องเผชิญความรู้สึกต่างๆ เหล่านี้ด้วยกัน แม้จะต่างสถานะต่างสถานที่ต่างห้วงเวลา แต่ในหนึ่งชีวิต ไม่ว่าจะมีหรือจน ศิลป์หรือบังเอิญ หนังสือเล่มนี้กำลังเล่าเรื่องให้เราฟัง ว่าจริงๆ แล้วเราเองต่างก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย เราต่างก็ต้องการรอยยิ้มของตัวเองและคนรอบข้างคอยปลอบประโลม เราต่างก็เป็นตัวตลกและตัวร้ายในชีวิตของคนที่ต่างกันออกไป เราต่างก็ต้องดิ้นรนเพื่อที่จะได้กลับไปยิ้มให้กับคนที่เรารัก เราต่างต้องพยายามใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีที่สุดในรูปแบบของเราเอง และที่สำคัญที่สุด เราต่างก็ย่อมต้องการที่จะถูกรักและต้องการที่จะรัก...

พอวางหนังสือลง "รู้สึกว่าได้แชร์ความรู้สึกนี้กับคนทั้งโลก--แชร์กับป้าที่ให้เงินโจรไปใช้ในคุก แชร์กับลุงสันติ ณ สนามหลวง แชร์กับคุณธีระที่เห็นความสำคัญกับการทำให้คนแค่คนเดียวหยุดร้องไห้ แชร์รอยยิ้มกับคุณมกุฎ แชร์และเรียนรู้กับองค์ทะไลลามะ แชร์กับน้องหมาน้องแมว แชร์กับทุกตัวละครในหนังสือเล่มนี้ แชร์กับผู้คนบนโลกใบนี้ที่กำลังนั่งรถไฟความเร็วสูง ที่กำลังไล่ต้อนฝูงแกะอยู่ในหุบเขา ที่กำลังว่าความให้ลูกความอยู่ในศาล ที่กำลังนั่งขอทานอยู่ข้างถนน ที่กำลังแหงนหน้ามองดวงดาว ที่กำลังถุยน้ำลายใส่พื้นถนน ที่กำลังวิ่งเล่นในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ที่กำลังหนาวเหน็บอยู่ริมถนน ... เราต่างก็เชื่อมโยงกันในหลากหลายมิติ ชอบหนังสือเล่มนี้มากกว่าที่คิดนะคะ จึงอยากขอบคุณพี่แต้ที่ได้ให้เจี๊ยบร่วมแชร์ค่ะ ไม่ได้รีวิวเพราะรีวิวไม่เป็น แต่แค่อยากเล่าว่าอ่านแล้วเห็นอะไรและชอบอะไรค่ะ...

"ฉันต้องใคร่ครวญ ไตร่ตรอง ทบทวน ในค่ำคืนฝนพรำ--ชีวิตไม่ง่าย"

ด้วยความเคารพ

เจีียบ ธารทิพย์ แก้วทะชาติ

มหาสารคาม

21 มกราคม 2559

Comments