วันที่โทรศัพท์กลับบ้าน


วันนี้โทรศัพท์กลับบ้าน โทรหาแม่ แม้ตัวจะยังไม่ได้กลับไปแต่ก็ส่งเสียงผ่านทางสายโทรศัพท์กลับบ้านล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

เสียงตัดพ้อน้อยใจของหญิงผู้เป็นแม่ผ่านมาตามสายโทรศัพท์ ไม่ได้คุยกับแม่แค่สัปดาห์เดียว แต่คนรอรับโทรศัพท์ทางฟากกระโน้นคงจะรู้สึกว่ามันนานชั่วนาตาปี คงจะจริงที่เขาว่า "คนแก่มีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง คนหนุ่มสาวมีชีวิตอยู่ด้วยความฝัน" แม่คงกำลังหวังอยู่ว่า คงอีกไม่นานลูกจะกลับไปบ้าน

"ขวัญหาย ใจหาย" ฉันทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียวลงคอได้ยังไง

ดึกดื่นค่ำคืนในวันที่ดาวเต็มฟ้าหรือแม้วันที่ดาวหมดฟ้า แม่คงจะแหงนดวงหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วถามหาความคิดถึงจากลูกๆ แม่คงจะเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย สงสารแม่จับใจ และเสียใจ...ที่ไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้นกับแม่

ทุกครั้งที่โทรศัพท์กลับบ้านแม่มักจะถามว่า "สบายดีไหมลูก?" และคำตอบที่ได้จากเลขหมายต้นทางมักจะตอบกลับไปว่า "สบายดีแม่ไม่ต้องเป็นห่วง" แม่คงจะคิดในใจว่า...จะไม่ให้ห่วงได้ยังลูกฉันทั้งคน...เช่นเดียวกับที่เวลาฉันถามแม่บ้างว่าสบายดีหรือเปล่า แม่ก็มักจะตอบกลับมาว่า "สบายดี" เป็นอย่างนี้เสมอๆ มันคงจะเป็นคำถามคลาสสิคที่มีคำตอบตายตัว เหมือนที่ฝรั่งเขาทักทายกัน How are you? I am fine. Thank you. แม้ความเป็นจริงอยากบอกแม่จะตายว่า่ "ตอนนี้มันเหงาจะตายอยู่แล้วแม่!" คิดว่าแม่ก็คงรู้สึกเช่นกัน คงอยากจะตอบฉันกลับมาสักครั้งว่า "กูเหงาจะตายก่อนมึงอยู่แล้ว!" มันคงเป็นความเหงาที่ต่างที่ แต่ไม่แตกต่าง

ฉันเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักความเหงา มันอาจซ่อนอยู่ใต้ก้นบึ้งหัวใจของใครหลายๆคน เราต่างก็มีความเหงาเหมือนๆกัน หากจะแตกต่างกันก็แต่เพียงความถี่และปริมาณของความเหงา บางคนอาจเหงามาก บางคนอาจเหงาน้อย บางคนอาจเหงาบ่อยๆ และบางคนอาจจะไม่ค่อยเหงา...ฉันเหงาและแม่ก็คงจะเหงาไม่น้อยไปกว่ากัน

วางสายจากแม่ไปนานแล้ว แต่เสียงเหงาๆของแม่ยังดังกึกก้องอยู่ในใจ ฉันถามตัวเองว่า"เมื่อไหร่จึงจะทำให้พ่อกับแม่มีความสุขเสียที" อยากทำให้พ่อกับแม่มีความสุขมานานมากแล้วมิใช่หรือ แต่เราจะทำอย่างไรดีหล่ะ แล้วเราจะทำได้ยังไง...และโดยวิธีการไหนกัน ทำไม่พ่อแม่คนเดียวถึงเลี้ยงดูลูกได้ตั้งหลายคน แต่ลูกหลายคนกลับเลี้ยงดูพ่อแม่คนเดียวของตัวเองไม่ได้ ได้ยินเสียงเพลง Blowin' in the Wind ของ Bob Dylan แว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง ...บางทีคำตอบอาจจะอยู่ในสายลม

ฉันอยากดูแลพ่อกับแม่ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าจะต้องดูแลยังไง รู้อยู่แล้วนิ่ รู้แล้วทำไมไม่ทำ รู้แล้วไม่ทำหน่ะ ระยำกว่าไม่รู้นะ! แต่ทำไมทำไม่ได้สักที หรือจะรอให้มันสายเกินไป...ฉันได้แต่ด่าตัวเอง

เสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ของแม่ดังก้องอยู่ในหูแต่ทะลุลงไปทิ่มแทงถึงกลางใจ (แล้วกูกำลังทำอะไรอยู่) ลูกธนูที่พุ่งออกมาจากคันธนูดอกนี้...เดียวดาย อยากกลับไปหาคันธนูดังเก่า เรือลำน้อยที่แล่นออกจากแผ่นดินบ้านเกิด...กำลังหลงทางคว้างอยู่กลางมหาสมุทร อยากกลับไปบอกคนข้างหลังที่รอคอยอยู่บนฟากฝั่งเหลือเกินว่า..."แม่จ๋า พ่อจ๋า ไม่มีขุมทรัพย์ในทะเล ไม่มีไข่มุขงามเหลืออยู่ในเปลือกหอย ไม่มีปะการังแสนสวยใต้ท้องทะเล อยากกลับไปหาขุมกำลังใจที่บ้านเกิด ไปวิ่งไล่จับผีเสื้อแสนสวยที่สวนหลังบ้าน ถ้าแม่จะไม่ได้ใส่สร้อยไข่มุขเลอค่า แต่ใส่สร้อยใบไม้ถักแทนจะได้ไหม ?"

เสีียงนกร้องดังเจื้อยแจ้วมาจากนอกบ้าน นึกไปถึงเรื่องที่คุยกับแม่วานนี้ ฉันสะดุ้งตื่นจากความฝัน ตื่นสายอีกวันจนได้นะเรา สงสัยจังเลยว่า...นกพวกนี้อยู่ที่นี่ หรือเพียงแต่บินผ่านมาทางนี้ อยากถามพวกมันจัง...ว่ามันจะบินไปไหนกัน มันจะรู้ไหมนะ ว่าจุดหมายปลายทางมันคือที่ไหน และอะไรที่รอมันอยู่ที่นั่น มันได้ทิ้งครอบครัวเพื่อเดินทางมาแสวงหา หรือมันได้พาครอบครัวของมันร่วมเดินทางมาด้วย อยากรู้จังว่าอะไรได้นำมันมาจนถึงที่นี่ แล้วมันได้บินมาไกลแค่ไหนแล้ว และจะต้องไปอีกไกลแค่ไหนกัน หรือพวกมันกำลังบินหลงทาง!

เจ้านกที่น่าสงสาร ไม่ใช่สิ....เจ้านกคงคิดว่าเราต่างหากที่น่าสงสาร เท้าอยู่ติดดิน แต่เหตุใดเล่ามนุษย์อย่างเราๆจึงได้แต่เฝ้าแสวงหาหวังไขว่คว้าดวงดาวที่อยู่ไกลแสนไกล เมื่อไหร่กันที่เราจะรู้้ว่าเราอยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้ จะมีพื้นที่เล็กๆสักพื้นที่หนึ่งไหม...ที่เป็นของเรา ด้วยเหตุนี้กระมัง...ที่เรามักจะแหงนดวงหน้ามองท้องฟ้า ถามหาในสิ่งที่ไม่เคยมีคำตอบจากฟากฟ้า...เจ้านกอาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฉันกำลังคุยกับมัน มันคงจะสงสัยว่าแทนที่ฉันจะปล่อยให้ใจลอยคว้างอยู่กลางท้องฟ้า ทำไมฉันไม่มองไปข้างหน้าแล้วเดินต่อ สักวันหนึ่งฉันคงจะเดินไปถึงบ้าน

เสียงนกฝูงเดิมร้องเจื้อยแจ้วบินผ่านหลังคาห้องของฉันไป มันจากไปพร้อมกับคำถามที่ฉัีนฝากถามมันไว้ "เมื่อไหร่ฉันจะได้กลับบ้าน ไม่ใช่สิ! เมื่อไหร่ฉันจะมีบ้านให้กลับ! ... หรือบางทีคำตอบ...อาจจะลอยอยู่ในสายลม

"รอหน่อยนะแม่จ๋า...สักวันหนึ่งฉันคงจะกลับถึงบ้าน"

ลูก

Comments

This comment has been removed by the author.
Unknown said…
ความเหงาเป็นเหมือนเพื่อนสนิทคนนึงที่มีหน้าที่ติดตามเราไปทุกหนทุกแห่ง ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักเพื่อนสนิทคนนี้มากน้อยแค่ไหน
หายไปนาน ไม่ได้หายไปไหน แต่ยังอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ที่ไม่เห็นโผล่มา ก็เพราะเพียงแค่ว่าอยากหายหน้าไปเหงาคนเดียวซะให้
สะใจ

ถามตัวเองว่าจะเศร้ากันถึงเมื่อไหร่ ความเศร้าโพล่งตอบกลับมาว่า "เมื่อไหร่ก็เมื่่อนั้น"

คิดถึงเพื่อนๆหว่ะ
Tua-note said…
"ใกล้เพียงระยะทางห่างกันวันละก้าว" อาจจะเป็นความรู้สึกของใครบางคนในตอนนี้
Tua-note said…
ความสุขที่พ่อแม่รับรู้ได้คือความสุขกายสบายใจของลูก เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จะหาคำใดมาอธิบาย เป็นรักที่ประเสริฐที่สุดเพราะไม่ต้องการหวังผลตอบแทนให้แก่ตนเอง
Anonymous said…
ความเหงามักจะมาเยือนเราเสมอ
เมื่อใดก็ตามที่จิตใจอ่อนแอ
แต่มันก็ไม่ผิดที่เราจะเหงา
เพียงแต่เราจะทำอย่างไรให้ตัวเองไม่จมปลักไปกับสิ่งนั่น
พี่เป็นห่วงนะจ๊ะ ขอให้ได้กลับมาเยี่ยมบ้านไวๆเด้อ

คึดฮอดจ้า
lanscape_45 said…
This comment has been removed by the author.
lanscape_45 said…
ฟังเพลงนี้ดูนะ..น่าจะเข้าบรรยากาส..คลิกที่..http://www.doo-dd.com/music/play.php?id=3242 ช่วงแรกมันพูดเยอะหน่อยเพราะแสดงสดแต่เพลงเพราะนะ..เอนหลังพักผ่อนแล้วลองฟังดู..อาจจะทำให้หายเหนื่อยได้บ้าง
Anonymous said…
The answer is blowing in the wind..
Country roads, take me home
To the place I belong...
Nothing forever...
I miss You...
AOM...
Anonymous said…
เหนื่อย...เบื่อ...ไร้จุดหมาย...เรียนและงาน...แล้วกรูมาทำอารัยที่นี่เนี่ย...

ไปเพื่อจะหลุดพ้น หรือตั้งใจไปเหงา...เหงาว่ะ
Anonymous said…
Thanks a lot for your nice comment at my space. I've just been back from Vietnam with the University's Council Members. So tired....

Love to hearing from you na ja.
See you soon in Thailand.
Anonymous said…
-- ความเหงาเป็นเพื่อนสนิทที่ติดตามตัวเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งใดก็ตาม
โปรดอย่าถามถึงฉัน "ความเหงา" แค่เธอคิดถึงฉัน
ฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ "ความเหงา" --

คิดถึง